คลังสินค้าแบบไหนเหมาะกับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ

คลังสินค้าแบบไหนเหมาะกับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ?

Table of Contents

ยอดสั่งซื้อออนไลน์ทั่วโลกยังเติบโตสองหลักต่อปี ทำให้ “คลังสินค้า” ไม่ได้เป็นแค่ที่เก็บของอีกต่อไป แต่เป็นหัวใจประสบการณ์ลูกค้าและต้นทุนกำไรโดยตรง ตลาดจึงพัฒนาโมเดลคลังหลากหลายให้ธุรกิจเลือกใช้งาน ยิ่งอีคอมเมิร์ซต้องแข่งความเร็วในการจัดส่ง ตั้งแต่ Same-Day ไปจนถึงภายใน 4-6 ชั่วโมง การเลือกคลังที่ตอบโจทย์จึงกลายเป็นตัวแปรชี้ชะตาแบรนด์

1. คลังในองค์กร (In-House Warehouse)

การเช่าอาคารหรือดัดแปลงพื้นที่บริษัทให้เป็นคลังยังคงเหมาะกับแบรนด์เริ่มต้น สินค้าน้อย SKU คงที่ และยอดสั่งซื้อไม่เกินหลักร้อยชิ้นต่อวัน ข้อดีคือควบคุมทุกขั้นตอน 100 % แต่ต้นทุนคงที่สูง ค่าเช่า พนักงาน อุปกรณ์ และยืดหยุ่นต่ำเมื่อยอดขายโตแบบก้าวกระโดด

2. คลัง 3PL Fulfillment

ผู้ให้บริการ 3PL นำโครงสร้างพื้นฐานและระบบ WMS มารวมไว้ให้เช่าใช้ตามจริง เปลี่ยนค่าใช้จ่ายจาก CapEx เป็น OpEx ทันที จึงเหมาะกับแบรนด์ที่ต้องสเกลเร็วหรือขายในหลาย Marketplace การใช้ 3PL ยังลดอัตราพัสดุเสียหายเหลือต่ำกว่า 0.5 % เพราะมีขั้นตอน QC-Scan ตามมาตรฐานสากล 

3. เครือข่าย Multi-Warehouse

โมเดลนี้กระจายสต็อกไปยังคลังย่อย 2–5 แห่งตามภูมิภาคหลัก เมื่อคำสั่งซื้อเข้ามา ระบบจะดึงสินค้าจากคลังที่ใกล้ลูกค้าที่สุด ลดเวลาและค่าขนส่งลงชัดเจน งานวิจัยชี้ว่าการใช้ Multi-Warehouse ช่วยลดเวลาขนส่งเฉลี่ยและยกระดับความพึงพอใจลูกค้าได้ทันที แบรนด์ควรพิจารณาโมเดลนี้เมื่อยอดสั่งซื้อข้ามภูมิภาคเกิน 30 % ของทั้งหมด และ SLA ส่งภายใน 1-2 วัน

4. Cross-Docking & Hub-and-Spoke

สำหรับธุรกิจที่ต้องการความรวดเร็วสูงในการกระจายสินค้า ไม่ต้องผ่านการจัดเก็บในคลังอย่างยาวนาน จะถูกขนถ่ายจากรถขนของเข้า (Inbound) ไปยังรถขนส่งออก (Outbound) ได้โดยตรง โดยใช้เวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมง เหมาะกับสินค้า เช่น สินค้าหมุนเร็ว (Fast-Moving Goods), แคมเปญแฟลชเซล, หรือสินค้าช่วงพีกซีซันที่ต้องการระบายของทันที ซึ่งจะช่วยย่นขั้นตอนการจัดเก็บและเวลาจัดส่ง ละต้นทุนคลัง

จะเลือกโมเดลไหนดี? 4 เกณฑ์ตัดสินใจหลัก

  1. Volume & SLA – ยอดสั่งซื้อและ SLA ในการส่งมอบ
  2. SKU & ความซับซ้อน – จำนวนรุ่น, Expiry Date, กฎบรรจุภัณฑ์
  3. เงินลงทุน & กระแสเงินสด – พร้อมจ่าย CapEx หรือเน้น OpEx แปรผัน
  4. กลยุทธ์เติบโต – จะขยาย Omni-Channel, เจาะเมืองใหม่ หรือเน้น การขายออนไลน์ eCommerce

เริ่มจากประเมินข้อมูลขายจริง (Sales Data), ค่าใช้จ่ายคลังปัจจุบัน และ Pain Point แล้วเลือกโมเดลที่คล้องทั้งปัจจุบันและเป้าหมาย 1-3 ปีข้างหน้า

YAS เสนอ “ทางเลือก” สู่คลังยุคใหม่

YAS มาพร้อมระบบ WMS ที่พร้อมให้บริการ 3PL Fulfillment และคลังสินค้า พร้อมเชื่อม Shopify, WooCommerce, Lazada, Shopee ผ่าน API ในไม่กี่คลิก พร้อม KPI ที่คุณสามารถเซ็ทได้ และตอบโจทย์ SLA ที่ต้องการ

สนใจบริการ 3PL Fulfillment ให้เรานำเสนอโซลูชั่นให้สอดคล้องกับโมเดลสำหรับธุรกิจคุณ? ติดต่อ YAS Fulfillment